อาการคัน ตกขาว ที่จุดซ่อนเร้นมาจากไหน ทั้งที่เราก็ดูแลความสะอาดร่างกายเป็นอย่างดี ต้องบอกว่าเรื่องของความสะอาดเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการดูแลน้องสาวจากภายนอกเท่านั้น เพราะภายในจุดซ่อนเร้นหรือช่องคลอดมีความซับซ้อน ละเอียดอ่อน และต้องการการดูแลให้มีสมดุลที่ดีอยู่เสมอเช่นกัน
ก่อนจะเล่าเรื่องวิธีรักษาสมดุลในช่องคลอดในลำดับต่อไป ต้องขอเล่าก่อนว่าโดยปกติช่องคลอดของผู้หญิงก็มีแบคทีเรียประจำถิ่น เหมือนกับส่วนอื่นๆในร่างกาย เช่น ลำไส้ ช่องปาก ทางเดินหายใจ ซึ่งแบคทีเรียส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ชื่อ แลคโตบาซิลลัส ที่มีความสามารถในการรักษาค่า PH ในช่องคลอดให้เหมาะสม เพื่อส่งเสริมการเติบโตของทั้งแลคโตบาซิลลัสเองและแบคทีเรียดีอื่นๆ ในระบบนิเวศน์ ให้มีมากพอที่จะทำหน้าที่ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียก่อโรคไม่ให้มารบกวนช่องคลอดรวมทั้งทางเดินปัสสาวะส่วนปลายจนเกิดอาการติดเชื้อและเจ็บป่วย
สารบัญ
Toggleการติดเชื้อในช่องคลอด มีลักษณะอย่างไรได้บ้าง
- การติดเชื้อรา โดยเชื้อส่วนใหญ่จะเป็นสายพันธุ์ Candida albicans ลักษณะการตกขาวจะเหมือนนมหรือเป็นก้อนเหมือนแป้งเปียก มีผื่น อาการคัน การบวมหรือแดงร่วมด้วย จะรู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ ซึ่งสาเหตุการติดเชื้อรามาจากความอับชื้นในช่องคลอด การใส่เสื้อผ้าที่คับเกินไป การมีระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนสูง หรือมีการใช้ยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน
- การติดเชื้อโปรโตซัว Trichomonas vaginalis ผ่านการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อนี้อยู่แล้ว การตกขาวจะมีสีเหลืองหรือเขียว มีกลิ่นเปรี้ยว เป็นฟอง ร่วมกับการมีอาการคัน แสบร้อน หรือบวมแดงที่ปากช่องคลอด รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
- การติดเชื้อแบคทีเรียที่อาจเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ หรือเกิดขึ้นเองเพราะระบบนิเวศน์จุลินทรีย์ที่ช่องคลอดเสียสมดุล จากการมีแบคทีเรียก่อโรคมากกว่าแบคทีเรียดี ซึ่งสิ่งที่กระตุ้นอาจเกิดจากการดูแลสุขอนามัยอย่างไม่เหมาะสม เช่น ใส่เสื้อผ้าไม่สะอาด การสวนล้างช่องคลอด การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีน้ำหอม หรือสารที่ทำให้เกิดการระคายเคืองจนทำให้แบคทีเรียดีโดนทำลาย โดยเฉพาะแลคโตบาซิลลัสที่มีมากที่สุด ซึ่งการตกขาวจากแบคทีเรียมักมีสีเหลือง ขาวหรือเทา และอาจมีกลิ่นคาวด้วย รวมถึงมีอาการคัน รู้สึกแสบตอนปัสสาวะหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
ดูแลช่องคลอดให้มีสมดุลที่ดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ต้องทำอย่างไร
- ดูแลเรื่องสุขอนามัย ทำความสะอาดร่างกาย ใส่เสื้อผ้าที่สะอาด ไม่อับชื้น
- ไม่สวนล้างช่องคลอด ลดการใช้น้ำยาที่อาจมีน้ำหอมหรือสารระคายเคือง ใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาดจะดีที่สุด
- ดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ไม่ปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอจนระดับภูมิต้านทานลดลง ทำให้แบคทีเรียร้ายเจริญเติบโตได้ง่ายขึ้น
- เพิ่มจำนวนเชื้อแบคทีเรียดี โดยเฉพาะแลคโตบาซิลลัส (Lactobacilli) เพื่อรักษาสมดุลในช่องคลอดให้มีจุลินทรีย์ดีมากกว่าอยู่เสมอ ด้วยการเสริมโพรไบโอติก
การเสริมโพรไบโอติก (Probiotic) ช่วยรักษาสมดุลช่องคลอดได้อย่างไร
โพรไบโอติก (Probiotic) เป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่มีอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้วตั้งแต่เกิด ซึ่งจะกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ โดยเฉพาะในลำไส้ที่จะมีมากที่สุด เพราะเป็นจุดที่เกิดการย่อย ดูดซึมสารอาหาร ขับถ่ายของเสีย รวมถึงกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ในส่วนของช่องคลอดผู้หญิงเองก็มีโพรไบโอติกอยู่จำนวนมากตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ดังนั้นยิ่งเราเพิ่มจำนวนโพรไบโอติกให้ร่างกายมากเท่าไหร่ กองทัพแบคทีเรียดีของเราก็จะยิ่งแข็งแกร่งและไปส่งเสริมให้ระบบในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ในส่วนของจุดซ่อนเร้นผู้หญิง โพรไบโอติกจะเข้าไปทำหน้าที่ดูแล ดังนี้
- ปรับสมดุลค่า PH ให้เหมาะสม ส่งเสริมให้แบคทีเรียดีชนิดอื่นๆเจริญเติบโตได้ดี
- ป้องกันไม่ให้เชื้อก่อโรคไปจับและทำอันตรายที่เยื่อบุช่องคลอด
- ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน จึงลดโอกาสการติดเชื้อก่อโรคได้มากขึ้น รวมทั้งลดโอกาสการติดซ้ำซ้อนสำหรับคนที่เคยติดเชื้อมาก่อน
การจะเสริมโพรไบโอติกก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเลย เพราะสามารถเพิ่มได้จากการรับประทานอาหารจำพวกโยเกิร์ต นมเปรี้ยว ซุปมิโซะ กิมจิ ถั่วนัตโตะ ซึ่งค่อนข้างหาทานได้ทั่วไป นอกจากอาหารเหล่านี้แล้วก็มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นอีก นั่นก็คือการทานโพรไบโอติกในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งสามารถพกพาไปทานได้ทุกที่ ทุกเวลา การเก็บรักษาก็ง่ายกว่า แถมยังมั่นใจได้ว่าจะได้โพรไบโอติกเป็นจำนวนมากพอกับที่ร่างกายต้องการ แต่ทั้งนี้การเลือกก็ต้องดูในเรื่องของสายพันธุ์ที่แต่ละแบรนด์เลือกใช้ด้วยว่ามีคุณสมบัติโดดเด่นตามที่เราต้องการหรือเปล่า รวมถึงการมีงานวิจัยรับรองว่าให้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังได้จริงและมีความปลอดภัยกับผู้บริโภคด้วยนะครับ