อาการกรดไหลย้อนคือ อาการที่กรดในกระเพาะอาหาร ไหลผ่านหูรูดที่ปิดระหว่างกระเพาะอาการกับหลอดอาหาร ทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนบริเวณหลอดอาหาร ถ้าเป็นบ่อยๆจะทำให้เกิดแผลในหลอดอาการได้ กรดไหลย้อน เป็นอีกโรคที่เรียกได้ว่าเป็นภัยเงียบที่น่ากลัวและมีแนวโน้มว่าจะมีคนเจ็บป่วยจากโรคนี้เพิ่มสูงขึ้นในทุกปี จากสถิติล่าสุดมีผู้ป่วยเป็นโรคกรดไหลย้อนคิดเป็น 7.4 % ของจำนวนประชากรไทยทั้งหมด เนื่องจากคนในปัจจุบันมีการใช้ชีวิตที่เร่งรีบ รับประทานอาหารไม่ตรงต่อเวลา ความเครียด และการกินอาหารที่ยังไม่ดีต่อสุขภาพนัก
แอดมินเองก็เป็นกรดไหลย้อนและลองรักษามาหลากหลายวิธี แต่วิธีที่รู้สึกว่าได้ผลดี คือการรับประทานโพรไบโอติก
สารบัญ
Toggleอาการกรดไหลย้อนเป็นอย่างไร
- มีอาการแสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ กลางอก ซึ่งมักจะเกิดหลังรับประทานอาหารเสร็จใหม่ๆ
- แน่นท้องตรงลิ้นปี่ รู้สึกจุกเสียด รู้สึกเหมือนมีก้อนติดในคอตอนกลืน
- มีอาหารหรือน้ำรสเปรี้ยว รสขม ไหลย้อนขึ้นมาที่คอและในปาก
- แน่นท้อง ท้องอืด รู้สึกคลื่นไส้ อาเจียนหลังรับประทานอาหาร
- ไอแห้งเรื้อรัง เจ็บคอ เสียงแหบ เพราะกรดที่ไหลขึ้นมาทำให้กล่องเสียงอักเสบ
หากมีอาการเหล่านี้ ถ้ารู้ตัวว่าไม่ค่อยใส่ใจดูแลสุขภาพเท่าที่ควร ต้องรีบปรับพฤติกรรมตั้งแต่ตอนนี้เลยนะครับ โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นต้นเหตุหลักของการเกิดโรคกรดไหลย้อน ซึ่งมักจะมีสาเหตุดังนี้
สาเหตุของโรคกรดไหลย้อนมีอะไรบ้าง
- การรับประทานอาหารแล้วนอนทันที โดยเฉพาะคนที่รับประทานอาหารช่วงดึก ทำให้ความดันในช่องท้องเพิ่มมากขึ้น จนเกิดอาการกรดไหลย้อน
- มีความเครียดสูง ทำให้ระบบย่อยทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้ หลอดอาหาร ทำงานได้น้อยลง และหลั่งกรดมากขึ้น
- ชนิดของอาหารที่รับประทาน คนในปัจจุบันชอบทานอาหารฟาสฟู้ดหรืออาหารที่มีไขมันสูง ดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะอ้วน ซึ่งอาจเกิดต่อเนื่องจากการไม่ใส่ใจเรื่องอาหารจนมีน้ำหนักตัวสูง ซึ่งภาวะอ้วนทำให้มีแรงกดในกระเพาะอาหารเพิ่มขึ้น จนกรดไหลย้อนกลับขึ้นมา
- การขาดสมดุลของจุลินทรีย์ดีหรือโพรไบโอติก (Probiotic) ในระบบทางเดินอาหารก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดกรดไหลย้อนได้ เพราะถ้าปล่อยให้จุลินทรีย์โพรไบโอติกมีน้อยเกินไป ร่างกายจะทำงานได้ไม่ปกติ เกิดการอักเสปในลำไส้อย่างมาก (เราไม่รู้ตัว) แบคทีเรียตัวไม่ดีสร้างแก๊สในลำไส้ ดันผ่านกระเพาะอาหารขึ้นมาในช่วงที่นอนหลับนำไปสู่การเกิดโรคกรดไหลย้อนได้ง่ายๆ สังเกตุว่าจะมีอาการท้องอืดร่วมด้วย เหมือนมีลมดันขึ้นมาเรื่อยๆ
โรคกรดไหลย้อน รักษาอย่างไร
- การรักษาโรคกรดไหลย้อนตามอาการ โดยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เช่น ยาเคลือบกระเพาะ ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร ยากระตุ้นการบีบตัวของทางเดินอาหาร เป็นต้น
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ต้องทำควบคู่กับการรักษาด้วยยา เพื่อให้สุขภาพได้รับการฟื้นฟูและกลับมาดีในระยะยาว พฤติกรรมที่ควรปรับอย่างเร่งด่วนคือ ไม่นอนทันทีหลังรับประทานอาหาร ควรเว้นอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง ไม่ปล่อยให้ตัวเองเครียดนานๆ หากิจกรรมเพื่อคลายความเครียดอยู่เสมอ การควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- การปรับพฤติกรรมการทาน ต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่พอเหมาะ หลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้อาการกำเริบได้ เช่น อาหารมันๆ รสจัด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม กาแฟ
- รับประทานโพรไบโอติก เพื่อปรับสมดุลลำไส้ให้มีจุลินทรีย์ชนิดดีที่ส่งเสริมการทำงานของลำไส้และทั้งระบบทางเดินอาหารมากกว่าแบคทีเรียก่อโรคที่เป็นตัวสร้างความเจ็บป่วยให้ร่างกาย เมื่อระบบภายในดีก็ลดการเป็นโรคกรดไหลย้อนจากสาเหตุที่เราเพิ่งพูดถึงไปได้ ทั้งนี้มีการวิจัยในมนุษย์หลายที่พบว่า การทานโพรไบโอติกช่วยให้อาการ กรดไหลย้อนดีขึ้น เชื้อที่พบว่าส่งผลดี เช่น Bacillus Coagulans SNZ1969
ตัวอย่างการรักษาอาการกรดไหลย้อน ด้วยโพรไบโอติกของแทคติวา
มีลูกค้าหลายท่านที่ ซื้อทานต่อเนื่อง เพราะว่าช่วยแก้อาการกรดไหลย้อน และท้องอืด ทำให้นอนสบายขึ้น review ด้านล่างเป็นส่วนหนึ่งจากลูกค้าที่ review ให้เราครับ
ท่านสามารถลองอ่านงานวิจัย เกี่ยวกับโพรไบโอติก กับผลการรักษาอาการกรดไหลย้อนได้ ที่ reference ด้านล่างได้เลยครับ
แค่ดูแลตัวเองตามที่เราแนะนำก็ช่วยรักษาอาการกรดไหลย้อนให้ค่อยๆ ดีขึ้นได้ หรือถ้าใครยังไม่มีอาการเจ็บป่วยก็ถือเป็นการเตรียมตัวเพื่อลดโอกาสเจ็บป่วยตั้งแต่ต้นนะครับ อย่าปล่อยอาการจะพัฒนาจนเกิดเป็นการเจ็บป่วยเรื้อรังได้ ผมเชื่อว่าอาการกรดไหลย้อน สามารถหายเองได้จากการดูแลตัวเองโดยไม่ต้องพบแพทย์ครับ
reference:
1. Gastroesophageal Reflux Disease and Probiotics: A Systematic Review – PubMed (nih.gov)
2. Gastroesophageal reflux disease (GERD) – Diagnosis and treatment – Mayo Clinic