โพรไบโอติก (Probiotic) กับ นาฬิกาชีวิต (Biological Clock หรือ นาฬิกาชีวภาพ) เกี่ยวข้องกันยังไง บางคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องนาฬิกาชีวิตมาบ้าง พูดง่ายๆก็คือเป็นแนวคิดที่พูดถึงการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ที่จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพในช่วงเวลาของตัวเอง ซึ่งนาฬิกาชีวิตจะมีรอบ 24 ชั่วโมง ตามเวลาโดยทั่วไปนั่นเอง แต่เมื่อใดที่ร่างกายเสียสมดุลหรือแม้แต่ระบบใดระบบหนึ่งมีปัญหา ก็ส่งผลให้ระบบอื่นๆ รวน ไม่สามารถทำงานในช่วงเวลาของตัวเองได้เต็มที่ หากปล่อยไว้นานก็จะส่งผลต่อสุขภาพที่แย่ลงได้
สารบัญ
Toggleนาฬิกาชีวิตทำงานอย่างไร
สงและอุณหภูมิภายในร่างกาย จะเป็นตัวควบคุมนาฬิกาชีวิตของเรา เมื่อใดที่ร่างกายได้รับแสงแดดและมีอุณหภูมิที่เหมาะสม อวัยวะและระบบในร่างกายก็จะเริ่มทำงานตามวงจรในแต่ละวัน ดังนี้
- ช่วง 01.00 – 03.00 น. เป็นช่วงที่ตับสร้างน้ำดีเพื่อย่อยไขมัน และผลิตอินซูลินที่จะควบคุมการเผาผลาญ ถ้าเราหลับสนิทช่วงนี้ตับก็จะทำงานได้เต็มที่
- ช่วง 03.00 – 05.00 น. การตื่นนอนช่วงเวลานี้ จะทำให้ปอดทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ จึงเป็นช่วงที่เหมาะแก่การตื่นมารับอากาศบริสุทธิ์ โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ
- ช่วง 05.00 – 07.00 น. เป็นช่วงที่ลำไส้ใหญ่ทำงานได้เต็มที่ จึงเหมาะแก่การขับถ่ายของเสียและกากอาหารออกจากร่างกาย ซึ่งถ้าเราขับถ่ายได้ทุกวันเป็นกิจวัตรของเสียก็จะตกค้างในร่างกายน้อย ทำให้ผิวพรรณของเราสดใส ไม่เป็นสิว
- ช่วง 07.00 – 09.00 น. เป็นช่วงที่กระเพาะจะย่อยอาหารต่างๆ ได้ดีที่สุด ถ้าเราทานอาหารเช้าในช่วงนี้ทุกวัน กระเพาะก็จะแข็งแรงเพราะทำหน้าที่ได้เต็มที่ในช่วงเวลาของตัวเอง ลดโอกาสเกิดโรคกระเพาะอาหารและโรคอ้วนได้
- ช่วง 09.00 – 11.00 น. เป็นช่วงที่ตับอ่อนจะนำสารอาหารไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ม้ามจะดักจับเชื้อโรคและสร้างเม็ดเลือดแดงขึ้นมาใหม่ได้ดี จึงเป็นช่วงที่ร่างกายตื่นตัวที่สุดหลังตื่นนอน
- ช่วง 11.00 – 13.00 น. หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ในร่างกายได้ดี จึงเป็นช่วงที่ควรพักเรื่องเครียด ทำให้ร่างกายและหัวใจผ่อนคลายมากที่สุด
- ช่วง 13.00 – 15.00 น. ลำไส้เล็กจะดูดซึมสารอาหารไปสร้างกรดอะมิโนเพื่อซ่อมแซมร่างกายได้เต็มที่ จึงควรงดทานอาหารทุกอย่าง แม้แต่ขนมจุกจิก
- ช่วง 15.00 – 19.00 น. กระเพาะปัสสาวะและไตที่ทำหน้าที่ขับของเสียทำงานได้ดี จึงเป็นช่วงที่เหมาะจะออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายอื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้สองอวัยวะนี้ทำงานได้ดี
- ช่วง 19.00 – 23.00 น. เป็นช่วงที่เยื่อหุ้มหัวใจจะทำหน้าที่สูบโลหิตได้ดี ระหว่างนี้ร่างกายจะค่อยๆ ปรับสมดุลอุณหภูมิภายใน และเริ่มหลั่งเมลาโทนินในเวลาต่อมา จึงเป็นช่วงที่ควรทำกิจกรรมเบาๆ เพื่อเตรียมตัวพักผ่อน
- ช่วง 23.00 – 01.00 น. ช่วงเวลาของถุงน้ำดีที่จะทำหน้าที่เก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ร่างกายหลับ และเจือจางไม่ให้น้ำดีข้นจนเกินไปจนส่งผลเสีย เช่น ตื่นกลางดึก ลงพุง มีถุงไขมันใต้ตา หรือขาดวิตามินกลุ่มที่ละลายในไขมัน
ถ้าร่างกายขาดโพรไบโอติก จะทำให้นาฬิกาชีวิตรวนได้อย่างไร
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้ร่างกายทำงานได้ตามวงจรนาฬิกาชีวิต คือการดูแลสุขภาพด้วยวิธีต่างๆ ตามที่เราคุ้นเคยอยู่แล้ว อาทิเช่น การทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย รู้จักผ่อนคลายความเครียด ทั้งหมดนี้ส่งเสริมให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อไปถึงการนอนและตื่นอย่างมีคุณภาพ สามารถใช้ชีวิตสอดคล้องกับนาฬิกาชีวิตของเราได้
แล้วโพรไบโอติกมีส่วนช่วยให้นาฬิกาชีวิตไม่รวนได้อย่างไร ก็ต้องเล่าย้อนไปถึงหน้าที่หลักของโพรไบโอติกให้เข้าใจกันก่อน โพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ชนิตดี ที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยเฉพาะลำไส้จะเป็นส่วนที่โพรไบโอติกอาศัยอยู่มากที่สุด แน่นอนว่าโพรไบโอติกจึงมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของลำไส้
- การทำความสะอาดลำไส้ โดยเข้าไปยึดเกาะและเพิ่มจำนวนที่ผนังลำไส้ ไม่ให้แบคทีเรียก่อโรคมารบกวนจุดนี้
- เมื่อลำไส้สะอาดไม่มีอะไรมารบกวนก็ทำหน้าที่หลักไม่ว่าจะเป็น การย่อย ดูดซึมสารอาหาร ขับของเสีย สร้างฮอร์โมนสำคัญและเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ได้อย่างเต็มที่
- เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารมาหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ ไม่มีของเสียที่เต็มไปด้วยเชื้อโรคตกค้าง ทุกระบบในร่างกายก็ทำงานได้ดีขึ้นไปด้วย
หากลองคิดในทางกลับกัน ถ้าร่างกายของเรามีโพรไบโอติกน้อยเกินไป ลำไส้ก็จะไม่สามารถทำหน้าที่ตามที่กล่าวมาได้อย่างเต็มที่ ระบบที่ทำงานประสานกับลำไส้ก็ทำงานแย่ลง เกิดอาการที่ไปรบกวนวงจรนาฬิกาชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็น
- การขับถ่ายผิดปกติ จนทำให้การขับถ่ายที่ควรจะเป็นกิจวัตรตามช่วงเวลาผิดไปจากเดิม
- ในรายที่มีอาการท้องผูก ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการเพิ่มเวลาให้ร่างกายดูดซึมสารพิษและเชื้อโรคจากของเสียที่ตกค้างนานขึ้น ซึ่งสารพิษหรือเชื้อโรคเหล่านี้ก็จะไปรบกวนอวัยวะอื่นให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ตามช่วงเวลาของตัวเอง
- ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง ร่างกายรับเชื้อโรคเข้ามาง่ายขึ้น ระบบต่างๆในร่างกายโดนเชื้อโรครบกวนจนทำงานได้แย่ลง นาฬิกาชีวิตก็รวนตามไปด้วยง่ายๆ
- การสร้างฮอร์โมนสำคัญอย่างเซโรโทนินหรือฮอร์โมนแห่งความสุขจะลดลง เซโรโทนินมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของสมองในส่วนของการควบคุมอารมณ์ เมื่อใดก็ตามที่มีเซโรโทนินปริมาณน้อย จะทำให้มีอารมณ์ไม่ดี วิตกกังวล เครียดได้ง่าย ซึ่งความรู้สึกเหล่านี้ก็ส่งผลต่อการทำงานของระบบอื่น และคุณภาพการนอนได้โดยตรง
นอกจากนี้เซโรโทนินยังเป็นสารตั้งต้นในการผลิตเมลาโทนิน หากร่างกายมีเซโรโทนินไม่เพียงพอ เมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับก็จะลดลง ทำให้หลับยากหรือนอนไม่หลับ วงจรการนอนผิดไปจากช่วงเวลาที่ควรจะเป็น ส่งผลต่อเวลาตื่นและการทำกิจวัตรตามช่วงเวลาที่ผิดแปลกไปจากนาฬิกาชีวิตได้ด้วย
จะเห็นได้ว่าการขาดโพรไบโอติกจะค่อยๆ ส่งผลเป็นทอด เริ่มจากการมีสุขภาพลำไส้ที่ย่ำแย่และขยายไปส่วนอื่นๆ จนนาฬิกาชีวิตรวนได้ในที่สุด ดังนั้นเราจึงควรเสริมให้ร่างกายมีโพรไบโอติกเพียงพออยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นจากการเลือกทานอาหารที่มีโพรไบโอติก หรือการเพิ่มด้วยอาหารเสริมโพรไบโอติกซึ่งเป็นทางเลือกที่เพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตเร่งรีบอย่างเราได้เป็นอย่างมาก เพราะจะทานตอนไหนก็ได้และมั่นใจได้ว่าได้โพรไบโอติกในปริมาณที่เพียงพออย่างแน่นอน