ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารเป็นความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงอายุ แต่ก็มักเกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงกับกลุ่มผู้สูงวัย เพราะการทำงานของอวัยวะและระบบร่างกายหลายอย่าง รวมทั้งระบบทางเดินอาหารจะช้าลงเมื่อเราอายุมากขึ้น นำมาซึ่งอาการเจ็บป่วยภายในระบบทางเดินอาหาร และการเกิดโรคร่วมต่างๆ ซึ่งปัญหาในระบบทางเดินอาหารที่ผู้สูงอายุมักเจอ ก็มีดังต่อไปนี้
สารบัญ
Toggleปัญหาในระบบทางเดินอาหารที่ผู้สูงอายุต้องเจอ
1. การเคี้ยวอาหารทำได้แย่ลง เพราะมีปัญหาฟันผุ เหงือกอักเสบ ต่อมน้ำลายและต่อมที่ผลิตเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารทำงานน้อยลง อาหารที่ถูกกลืนลงไปจึงย่อยได้ลำบากขึ้น
2. ระบบย่อยอาหารทำงานช้าลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่อวัยวะต่างๆจะทำงานช้าลงตามอายุที่เพิ่มขึ้น รวมถึงกล้ามเนื้อในทางเดินอาหาร โดยเฉพาะส่วนกระเพาะอาหารและลำไส้นอกจากนี้ผู้สูงอายุที่ร่างกายอ่อนแอ เคี้ยวอาหารได้ไม่ดี เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ก็มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาเรื่องการย่อยอาหารมากกว่าผู้สูงอายุที่มีปัญหาตรงนี้น้อยกว่า เพราะพฤติกรรมเหล่านี้มีส่วนในการช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารด้วย
3. การผลิตน้ำย่อยและเอนไซม์ช่วยย่อยอาหารน้อยลง โดยผู้สูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปจะเริ่มมีการหลั่งเอนไซม์สำคัญลดลง โดยเฉพาะเอนไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ และเพิ่มโอกาสการเกิดภาวะขาดสารอาหารได้
4. ปวดท้อง ไม่สบายท้อง ที่มักจะมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น ท้องอืด จุกเสียด แสบร้อนในท้อง ซึ่งสาเหตุมาจากการเคลื่อนไหวของกระเพาะอาหารและลำไส้ที่ช้าลง จนทำให้การทำงานของระบบย่อยและระบบขับถ่ายประสิทธิภาพแย่ลง เกิดการสะสมของแก๊สและของเสียในร่างกาย และกลายเป็นอาการเจ็บป่วยตามมา
5. ขับถ่ายผิดปกติ ท้องเสียหรือท้องผูกง่าย ซึ่งอาจเป็นผลต่อเนื่องมาจากการย่อยที่ไม่สมบูรณ์จากปัจจัยข้างต้น ประกอบกับการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ช้าลงตามความเสื่อมของร่างกาย รวมถึงการขาดสมดุลจุลินทรีย์ที่คอยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เลยยิ่งทำให้ลำไส้ทำงานได้แย่ลงไปอีก
เมื่ออายุมากขึ้นความหลากหลายของจุลินทรีย์จะลดลงเรื่อยๆอยู่แล้ว ถ้าเราไม่ทำอะไร ปล่อยทิ้งไว้จนเชื้อก่อโรคมีมากกว่าจุลินทรีย์ดี ก็จะทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายจนเกิดอาการท้องเสีย หรืออาการท้องผูกเพราะลำไส้บีบตัวได้แย่ลงจากการถูกเชื้อโรครบกวน หากปล่อยจนมีอาการท้องเสียหรือท้องผูกเรื้อรัง อาการป่วยอาจลุกลามจนเกิดเป็นเนื้องอกหรือมะเร็งลำไส้ได้
วิธีดูแลทางเดินอาหารให้สุขภาพดีอยู่เสมอ
- ทานอาหารที่ย่อยง่าย ปรุงสุก และรสไม่จัด เพราะอวัยวะในทางเดินอาหารทำงานได้น้อยลง การทานอาหารจึงมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ระบบย่อยทำงานง่ายขึ้นเป็นอย่างมาก
- เพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย โดยการออกกำลังกายเบาๆ แต่ทำทุกวัน เพื่อช่วยกระตุ้นให้ทางเดินอาหาร โดยเฉพาะกระเพาะอาหารและลำไส้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อได้
- ทานอาหารที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยเพิ่มกากใยทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ควรเป็นผักที่ผ่านการทำให้สุกแล้ว มีความอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย ซึ่งจะทำให้ถูกย่อยง่ายขึ้นด้วย
- ทานอาหาร หรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติก (Probiotic) เพื่อรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในทางเดินอาหาร ให้มีแบคทีเรียดีมากกว่าตัวก่อโรคอยู่เสมอ เมื่อลำไส้สะอาดก็จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งสามารถสร้างน้ำย่อยและเอนไซม์สำคัญออกมาย่อยอาหาร ดูดซึมสารอาหารส่งไปเลี้ยงส่วนต่างๆได้ดี ที่สำคัญคือมีการเคลื่อนไหว บีบตัวได้ดี ทั้งในขั้นตอนการย่อยอาหารและการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย