สำหรับใครที่เพิ่งเริ่มต้นทานอาหารเสริมโพรไบโอติก (Probiotic) อาจจะมีข้อสงสัยว่าต้องทานไปนานแค่ไหนถึงจะเริ่มได้ผล หรือพูดง่ายๆก็คือ มีข้อสังเกตเรื่องความเปลี่ยนแปลงหลังทานได้อย่างไร เพราะเราไม่สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงของลำไส้หรือระบบข้างในร่างกายได้
ผลลัพธ์จากการทานโพรไบโอติกจะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันทันที หรือสามารถใช้เครื่องมือวัดผลได้ชัดเจน เหมือนกับตอนที่เราตรวจสุขภาพประจำปี แต่คุณจะเริ่มสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับร่างกาย หลังทานโพรไบโอติกอย่างสม่ำเสมอ ติดต่อกันจนกระทั่งลำไส้ของคุณมีสมดุลจุลินทรีย์ที่ดีแล้ว ซึ่งสัญญาณที่บ่งบอกว่าโพรไบโอติกกำลังทำงานและเริ่มส่งผลในทางที่ดีต่อลำไส้และสุขภาพโดยรวม สามารถสังเกตได้จากสัญญาณเหล่านี้
สารบัญ
Toggle5 สัญญาณที่บ่งบอกว่าทานโพรไบโอติกแล้วได้ผล
1. ระบบขับถ่ายดีขึ้น
การเปลี่ยนแปลงนี้จะเห็นได้ชัดเจนโดยเฉพาะในคนที่ค่อนข้างมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย เช่น ขับถ่ายไม่เป็นเวลา ไม่ได้ขับถ่ายทุกวัน มีปัญหาท้องผูกง่าย ซึ่งจะเริ่มสังเกตได้ว่ามีรอบการขับถ่ายสม่ำเสมอขึ้น ขับถ่ายได้ตามปกติทุกวัน ที่เป็นแบบนี้เพราะโพรไบโอติกได้เข้าไปกระตุ้นให้เกิดการผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งเป็นตัวที่ทำให้ลำไส้เคลื่อนไหวและบีบตัวได้ดีขึ้น
2. อาการท้องอืด ท้องเฟ้อลดลง
แก๊สส่วนเกินในกระเพาะอาหารเกิดจากการที่ระบบย่อยของคุณมีปัญหา ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ จนรบกวนชีวิตประจำวันของคุณ หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้การย่อยอาหารไม่มีประสิทธิภาพเกิดจากการขาดสมดุลแบคทีเรียชนิดดีที่ทำหน้าที่ผลิตเอนไซม์ช่วยย่อยอาหาร โดยเฉพาะไฟเบอร์หรือสารอาหารบางชนิดที่ย่อยยาก ซึ่งหากย่อยไม่หมดก็จะทำให้เกิดแก๊สส่วนเกินขึ้นมา โพรไบโอติกจะเข้าไปช่วยส่งเสริมการเติบโตของแบคทีเรียดีเหล่านั้น ให้มีจำนวนมากขึ้นและผลิตเอนไซม์ย่อยอาหารออกมาได้มากพอที่จะทำให้การย่อยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. ระดับน้ำตาลในเลือดมีความสมดุลมากขึ้น
จากข้อที่แล้วที่เราพูดถึงหน้าที่ของโพรไบโอติกในการช่วยย่อยอาหาร ซึ่งถ้าเราย่อยได้ดีการดูดซึมสารอาหารก็ทำได้ดีด้วย ในทางตรงกันข้าม ถ้าการย่อยอาหารแย่ลง ร่างกายก็จะได้รับสารอาหารไม่เต็มที่ ส่งผลให้เกิดความอยากของหวานมากขึ้น เพราะร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้โพรไบโอติกในลำไส้ยังมีอีกหน้าที่หลัก คือการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้สมดุล โดยการยับยั้งการทำงานของแบคทีเรียร้าย ไม่ให้ผลิตสารพิษที่ก่อให้เกิดการอักเสบ จนนำไปสู่ภาวะดื้ออินซูลินและการมีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ถ้าคุณเคยมีความรู้สึกอยากทานของหวานบ่อยๆ แล้วอาการเหล่านี้น้อยลง เป็นไปได้ว่าโพรไบโอติกสามารถทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
4. อารมณ์แจ่มใส มีสมาธิมากขึ้น
โดยปกติแล้วสมองกับลำไส้จะมีการส่งสัญญาณและทำงานเชื่อมโยงกันตลอดเวลา ลำไส้จะส่งสารสื่อประสาทขึ้นไปกระตุ้นการทำงานของสมองได้โดยตรง สารที่สำคัญมีชื่อว่าเซโรโทนิน ซึ่งเป็นตัวที่ส่งผลต่อสภาวะทางอารมณ์ ยิ่งมีมากก็ยิ่งทำให้เรารู้สึกมีความสุข อารมณ์แจ่มใส มีสมาธิและเรียนรู้จดจำได้ดี โพรไบโอติกจะเข้าไปดูแลลำไส้ไม่ให้เชื้อโรคมารบกวน ทำให้ลำไส้สะอาด สุขภาพดี และทำหน้าที่ผลิตเซโรโทนินออกมาได้เต็มที่
5. นอนหลับได้ดีขึ้น สมองปลอดโปร่ง
เมื่อเราผลิตเซโรโทนินได้เยอะ มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้นแล้ว ก็ส่งผลต่อเนื่องมาถึงการนอนหลับที่ดีขึ้น เพราะไม่มีอะไรมารบกวนจิตใจตอนนอน นอกจากนี้เซโรโทนินยังเป็นตัวตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนินซึ่งเป็นตัวที่ควบคุมวงจรการนอนของเรา ถ้าเราผลิตเมลาโทนินออกมาได้มากพอ การนอนก็จะยิ่งมีคุณภาพ นอนหลับสนิท ไม่ตื่นกลางดึก ทำให้ตื่นมามีสมองที่ปลอดโปร่ง รู้สึกสดชื่น ดังนั้นใครที่เคยมีปัญหาหลับยาก นอนไม่หลับเป็นประจำ แล้วอาการเหล่านี้ค่อยๆ ดีขึ้นหลังทานโพรไบโอติก ก็ค่อนข้างมั่นใจได้เลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว
แม้ว่าสุขภาพของคุณจะดีขึ้นหลังทานโพรไบโอติก จากการสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงตามที่เราได้ยกตัวอย่างแล้ว คุณก็ยังไม่ควรหยุดทานโพรไบโอติกไปเลยหรือเว้นช่วงการทานนานเกินไป แต่อาจลดปริมาณการทานต่อวัน หรือลดจำนวนวันที่ทานลงได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการคงสมดุลแบคทีเรียดีในลำไส้ให้มีมากกว่าตัวก่อโรคอยู่เสมอ จะได้มีสุขภาพดีระยะยาวนะครับ