ก่อนจะทานอาหารเสริม โดยเฉพาะตัวที่เราไม่คุ้นเคยมาก่อนอย่างโพรไบโอติก (Probiotic) ก็อาจทำให้หลายคนมีความกังวลถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะคนที่สุขภาพไม่ค่อยดีจะยิ่งกังวลว่าทานโพรไบโอติกแล้วจะมีอันตรายอะไรไหม
หนึ่งในสาเหตุของความกังวลก็มาจากการที่โพรไบโอติกจัดเป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง พอได้ยินแค่คำว่าแบคทีเรียก็ทำให้หลายคนเชื่อมโยงไปถึงการเจ็บป่วย ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว แบคทีเรียมีทั้งชนิดก่อโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วย และแบคทีเรียชนิดดีที่คอยดูแลสมดุล ส่งเสริมให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานเป็นปกติ ซึ่งโพรไบโอติกก็เป็นหนึ่งในนั้น
สารบัญ
Toggleโพรไบโอติกช่วยอะไร จำเป็นต่อร่างกายแค่ไหน
โพรไบโอติก (Probiotic) จะกระจายอยู่ตามส่วนต่างๆในร่างกาย ตั้งแต่ผิวหนัง ในช่องปาก ระบบทางเดินหายใจ ทางเดินปัสสาวะ ในมดลูกและช่องคลอด และจะมีมากที่สุดในระบบทางเดินอาหารในส่วนของลำไส้
โพรไบโอติกในลำไส้มีหน้าที่อย่างไร
โพรไบโอติกช่วยส่งเสริมให้ระบบย่อยทำงานได้ปกติ และสามารถกำจัดแบคทีเรียร้าย สารพิษ และของเสียออกจากร่างกายได้ตามกลไกธรรมชาติ โดยการเข้าไปยึดเกาะที่ผนังลำไส้ไม่ให้แบคทีเรียก่อโรคเข้าไปจับและทำอันตรายได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เราปล่อยให้โพรไบโอติกในร่างกายลดลงอย่างต่อเนื่อง แบคทีเรียร้ายที่ไม่มีอะไรมาคอยขัดขวาง ก็จะยิ่งมีเวลาออกฤทธิ์มากขึ้นจนไปขัดขวางการทำงานของลำไส้ เมื่อลำไส้ทำงานแย่ลง ทั้งในส่วนของการย่อยและดูดซึมสารอาหาร การขับถ่าย รวมถึงการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ร่างกายก็จะอ่อนแอจนเรื่อยๆ ไม่สามารถต่อสู้กับแบคทีเรียร้ายได้ดีเท่าเดิม เกิดเป็นความเจ็บป่วยขึ้นมาได้
โพรไบโอติกจะเพิ่มจำนวนได้ต้องอาศัยหลายปัจจัยประกอบกัน
- การทานอาหารที่มีโพรไบโอติกสูง เช่น โยเกิร์ต ชาหมักคอมบูชา กิมจิ ขิงดอง มิโซะ เทมเป้ ซึ่งควรทานควบคู่กับอาหารที่มีพรีไบโอติกซึ่งเป็นอาหารของโพรไบโอติกอีกที ก็จะทำให้โพรไบโอติกมีอาหารเพียงพอ สามารถเติบโตและเพิ่มจำนวนได้ดีขึ้น
- พฤติกรรมการใช้ชีวิตก็ส่งผลโดยตรงต่อจำนวนโพรไบโอติกในร่างกาย ซึ่งพฤติกรรมที่ช่วยลดอัตราการตายของโพรไบโอติก ยกตัวอย่างเช่น การหลีกเลี่ยงจากความเครียด การพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
โพรไบโอติก ปลอดภัยแค่ไหน กินแล้วจะมีผลข้างเคียงไหม
โพรไบโอติกเป็นจุลินทรีย์ประจำถิ่นที่อาศัยอยู่ในร่างกายของเราอยู่แล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวลในแง่ของการที่ร่างกายจะเกิดการต่อต้านเหมือนสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ การทานอาหารเสริมโพรไบโอติกจึงมีความปลอดภัย เหมือนกับการทานอาหารเสริมหรือการทานวิตามินโดยทั่วไปที่เราทานเป็นประจำอยู่แล้ว แต่อาจมีผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย ซึ่งมักเป็นอาการในระบบทางเดินอาหาร สำหรับบางคนที่เพิ่งเริ่มทานและร่างกายกำลังปรับตัว เช่น ถ่ายเหลว มีแก๊สในทางเดินอาหาร ซึ่งจะค่อยๆดีขึ้นได้เอง
ถ้าอยากมั่นใจในความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ก็ต้องใส่ใจเลือกทานอาหารเสริมที่มีโพรไบโอติกสายพันธุ์ที่ผ่านการวิจัยโดยสถาบันที่มีความน่าเชื่อถือ และมีการทดสอบกับผู้ใช้จริงแล้วว่าเป็นสายพันธุ์ที่มีประสิทธิภาพในการดูแลร่างกายและมีความปลอดภัยเมื่อทานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีขั้นตอนการผลิตที่ช่วยรักษาคุณภาพของโพรไบโอติกตั้งแต่ถูกบรรจุในขวดจนกระทั่งพาโพรไบโอติกเดินทางไปถึงลำไส้
แม้การทานโพรไบโอติกจะมีความปลอดภัยสูง เหมาะกับคนทุกเพศ ทุกวัย ด้วยเหตุผลที่เราได้กล่าวมา แต่สำหรับผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังบางอย่างหรือร่างกายอ่อนแอมากๆ เช่น อยู่ในช่วงที่ได้รับยาเคมีบำบัด มีโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง อยู่ในภาวะเจ็บป่วยวิกฤต หรือเพิ่งได้รับการผ่าตัด ควรปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษาก่อนรับประทานจะดีที่สุด
การตั้งข้อสงสัยแบบนี้จริงๆ เป็นเรื่องที่ดีนะครับ ในแง่ที่ทำให้เราใส่ใจและระมัดระวังในการเลือกบริโภคมากขึ้น แต่ในส่วนของโพรไบโอติกที่ไม่ใช่สิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่คุ้นเคย ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลถ้าจะทานเสริมเข้าไป สิ่งที่ควรให้ความใส่ใจจึงเป็นในเรื่องของการเลือกสายพันธุ์ที่ตอบโจทย์ การทานในปริมาณที่เพียงพอ และคุณภาพของโพรไบโอติกที่ต้องพร้อมทำงานทันทีเมื่อไปถึงลำไส้ เพื่อให้ร่างกายได้ประโยชน์สูงสุดจากการทานอาหารเสริมโพรไบโอติก