ภูมิแพ้ อาการเจ็บป่วยที่ดูเหมือนเล็กน้อยแต่ก็คอยกวนใจและสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตให้ใครหลายคนได้ ถึงดูจะไม่ใช่ความเจ็บป่วยรุนแรงแต่รู้ไหมครับว่าในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมามีผู้ป่วยด้วยอาการภูมิแพ้เพิ่มขึ้น 3-4 เท่า ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจจากสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษ ฝุ่น ควัน การใช้สารเคมีสูงขึ้น ของใช้หรือแม้แต่อาหารที่เรารับประทานจึงมีสิ่งแปลกปลอมเจือปนมากขึ้น อาการภูมิแพ้จึงไม่ได้มีแค่การแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้ขนสัตว์ เท่านั้นแต่ยังมีอาการแพ้อาหารที่จะแสดงอาการทันทีหรือการแพ้อาหารแฝงที่ไม่แสดงอาการทันที
สารบัญ
Toggleภูมิแพ้อาหารต่างจากภูมิแพ้อาหารแฝงอย่างไร
- ภูมิแพ้อาหาร (Food Allergy) จะแสดงอาการหลังจากที่เราทานอาหารที่แพ้เข้าไปในทันที หรือหลังจากนั้นประมาณ 2-4 ชั่วโมง อาการแพ้ที่เป็นจะมีทั้งที่เป็นผื่นลมพิษ ตาหรือปากบวม แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หากมีอาหารแพ้มากๆก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เลย
- ภูมิแพ้อาหารแฝง (Food Intolerance) อาการจะไม่แสดงออกมาทันที แต่จะเริ่มมีเมื่อเราทานอาหารที่แพ้ซ้ำๆ บ่อยๆ หรือทานปริมาณมาก ส่วนใหญ่จะมีอาการหลังทานอาหารไปอย่างน้อย 48 ชั่วโมง อาการภูมิแพ้อาหารแฝงที่แสดงออกมามักจะไม่รุนแรง เช่น ปวดหัว ท้องอืด ท้องเสีย บวมน้ำ หรือมีการอักเสบของชั้นใต้ผิวหนัง จึงทำให้หลายคนไม่ทราบว่าตัวเองแพ้อาหารชนิดนั้นๆอยู่ และยังคงทานซ้ำๆต่อไป ซึ่งอาหารที่มีส่วนทำให้เกิดภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงนั้น มีได้มากถึง 200 ชนิด โดยชนิดที่มักจะพบว่าเป็นสาเหตุ ได้แก่ อาหารกลุ่มนม หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม กลุ่มเมล็ดธัญพืชที่มีกลูเตน เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี
อาการภูมิแพ้อาหารแฝงเกิดจากอะไร
ภูมิแพ้อาหารแฝง เกิดจากการที่ร่างกายขาดเอนไซม์ในการย่อยอาหารชนิดนั้นๆ ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์โมเลกุลของอาหารชนิดนั้นจึงสามารถหลุดลอดเข้าไปในกระแสเลือดได้ ร่างกายจึงเกิดการสร้างภูมิ (Antibody) เพื่อออกมาต่อต้านอาหารชนิดที่แพ้ ทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาในร่างกายและแสดงออกมาเป็นอาการในรูปแบบต่างๆ ที่จะต่างกันไปตามแต่ละบุคคล
หรืออีกสาเหตุหนึ่งมาจากการมีภาวะลำไส้รั่ว (Leaky Gut Syndrome) ที่เซลล์เยื่อบุผนังลำไส้เกิดช่องว่าง ก็ทำให้สารเคมีที่มากับอาหาร เชื้อโรค สารก่อภูมิแพ้หรือแม้แต่โมเลกุลของอาหารที่เราแพ้ผ่านเข้าไปในกระแสเลือดได้มากขึ้น และเกิดการอักเสบแบบค่อยเป็นค่อยไปได้เช่นกัน
อาการภูมิแพ้อาหารแฝงเป็นอย่างไร
- อาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีแก๊สในกระเพาะอาหาร เพราะระบบย่อยอาหารมีปัญหา
- มีอาการท้องเสีย ท้องผูก ลำไส้อักเสบ ลำไส้ระคายเคือง
- เป็นสิว มีผื่นลมพิษเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปวดศีรษะเรื้อรัง และมักปวดไมเกรนร่วมด้วย
- รู้สึกเหมือนจะไม่สบาย ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดตามข้อ หรือหัวเข่า
จะรักษาอาการภูมิแพ้อาหารแฝงให้ดีขึ้นได้อย่างไร
- ปรับพฤติกรรมโดยการหลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้อย่างน้อย 6 เดือน หลังจากนั้นอาการแพ้มักจะดีขึ้นและสามารถกลับมาทานอาหารชนิดที่เคยแพ้ได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่และไม่ทานอาหารชนิดนั้นซ้ำๆและปริมาณมากเกินไป เพราะอาจเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิออกมาต่อต้านและกลับมาเป็นภูมิแพ้อาหารแฝงกับชนิดนั้นอีกครั้งได้
- รับประทานอาหารให้หลากหลาย เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยง ทั้งในแง่การรับสารปนเปื้อน สารพิษตกค้าง รวมถึง ภูมิแพ้อาหารแฝงด้วย
- ดูแลสุขภาพระบบย่อยอาหารและลำไส้ เพราะภูมิคุ้มกันร่างกายกว่า 70% อยู่ที่ลำไส้ ดังนั้นถ้าลำไส้สุขภาพดีก็ช่วยลดโอกาสการเกิดทั้งภูมิแพ้ทั่วไปและภูมิแพ้อาหารแฝงได้ ซึ่งการดูแลสุขภาพลำไส้เริ่มได้ง่ายๆจากการเลือกรับประทานอาหารที่ทำได้ดังนี้
- หลีกเลี่ยง Fast Food หรือ Junk Food อาหารแปรรูปต่างๆ เพราะอาหารเหล่านี้เข้าไปรบกวนและยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียดีที่คอยดูแลลำไส้
- ทานอาหารหลากหลาย รวมทั้งผักและผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง เพราะไฟเบอร์เป็นอาหารของแบคทีเรียดีในลำไส้
- ทานอาหารหรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติกสูง เพราะโพรไบโอติกจัดว่าเป็นหนึ่งในแบคทีเรียชนิดดีที่ร่างกายต้องการ โพรไบโอติกจะเข้าไปปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยการส่งเสริมให้แบคทีเรียชนิดดีเติบโตได้ดี ในขณะเดียวกันก็ยับยั้งการทำงานและการเติบโตของแบคทีเรียก่อโรคเมื่อไม่มีสิ่งแปลกปลอมมารบกวนผนังลำไส้ก็ไม่เกิดการอักเสบจนเกิดช่องว่าง หรือภาวะลำไส้รั่วที่สิ่งแปลกปลอมรวมถึงโมเลกุลของอาหารที่เราเสี่ยงเกิดการแพ้ สามารถหลุดลอดเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่ายๆ จึงเท่ากับเป็นการลดโอกาสการเกิดโรคภูมิแพ้อาหารแฝง รวมถึงช่วยฟื้นฟูลำไส้ที่เคยอ่อนแอในช่วงที่เคยเกิดภาวะภูมิแพ้แฝงได้ด้วย