PM 2.5 ก็เป็นอีกตัวร้ายที่แรงไม่เคยแผ่วพอๆกับการแพร่ระบาดของโควิด19 เลยนะครับ และแน่นอนว่าเราต้องเผชิญกับฝุ่นพิษ PM2.5 ไปอีกนานเพราะเป็นสิ่งแวดล้อมภายนอกที่ควบคุมได้ยากไม่ต่างจากเชื้อโรค และเจ้าฝุ่นเล็กๆ นี้ไม่ได้ทำอันตรายแค่ระบบทางเดินหายใจอย่างที่คนทั่วไปรับรู้กัน แต่ทำร้ายได้ตั้งแต่ผิวหนังภายนอก ไปจนถึงอวัยวะและระบบภายใน
ดังนั้นการที่เราปกป้องไม่ให้ร่างกายรับฝุ่นพิษ PM2.5 อาจไม่เพียงพอที่จะดูแลสุขภาพระยะยาวแล้ว เราควรเสริมเกราะจากภายในให้ร่างกายแข็งแรงไว้ก่อนจะดีที่สุด ซึ่งก็มีหลากหลายวิธีทั้งการดูแลตัวเองทั่วไปแบบที่เราทำกันอยู่แล้ว และการเสริมวิตามิน หรือการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่างๆ ก็ได้รับความนิยมไม่เคยตกเลย อีกตัวที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างโพรไบโอติก (Probiotic) ก็เป็นตัวช่วยเสริมความแกร่งให้ร่างกายโดยรวมได้ ไม่ได้ดูแลเฉพาะเรื่องลำไส้และการขับถ่ายเท่านั้น ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักโพรไบโอติกในมุมนี้ เรามาดูกันก่อนว่า PM2.5 ทำอันตรายอะไรเราได้บ้าง
สารบัญ
Toggleฝุ่นพิษ PM 2.5 ทำร้ายร่างกายได้อย่างไรบ้าง
- ระบบทางเดินหายใจและปอด
ระบบทางเดินหายใจเป็นส่วนที่ PM 2.5 แทรกซึมเข้ามาได้ง่ายที่สุด โดยฝุ่นพิษขนาดจิ๋วตัวนี้จะเข้าไปทำให้เกิดการระคายเคืองในระบบทางเดินหายใจ เกิดเป็นอาการแสบจมูก ไอ มีเสมหะ ยิ่งต้องอยู่กับสภาพแบบนี้สะสมไปเรื่อยๆก็นำไปสู่อาการหอบหืด แม้ในคนที่ไม่เคยมีอาการนี้มาก่อนก็สามารถเป็นได้ หากปล่อยไว้เป็นเวลานานก็มีโอกาสพัฒนาเป็นโรคมะเร็งปอดได้
- อันตรายต่อหัวใจ
หากสูดดมฝุ่นพิษ PM 2.5 ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน ก็จะไปกระตุ้นการอักเสบ ทำให้เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เต้นผิดจังหวะ รวมทั้งผนังหลอดเลือดแดงโตที่มีเส้นทางไปถึงหัวใจหนาตัวขึ้น เกิดการอุดตันของหลอดเลือดแดงได้ง่าย ซึ่งตรงนี้เท่ากับเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ หรืออาการหัวใจวายฉับพลันได้
- อันตรายต่อสมอง
PM 2.5 จะแทรกซึมผ่านกระแสเลือดเมื่อเกิดการสะสมมากๆก็จะทำให้เลือดหนืด เกิดความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดในสมองที่เป็นสาเหตุให้เกิดเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก และกลายเป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตท หรือบางรายรายแรงจนถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ฝุ่นพิษ PM 2.5 ยังกระตุ้นการอักเสบในสมองโดยการหลั่งสารอักเสบออกมา ทำให้เซลล์สมองบาดเจ็บ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะสมองเสื่อมเร็วขึ้น
- อันตรายต่อผิวหนัง
PM 2.5 จะกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดการอักเสบจนผิวบอบบางลง ฟื้นฟูตัวเองได้ช้า เกิดการระคายเคือง เป็นผดผื่นได้ง่าย ในส่วนของคอลลาเจนที่เป็นตัวเพิ่มความเต่งตึง ยืดหยุ่นให้ผิวก็ถูกทำลายไปด้วย จึงเกิดปัญหาริ้วรอย มีจุดด่างดำที่ผิวง่ายขึ้น
โพรไบโอติก (Probiotic) ช่วยเสริมเกราะปกป้องสุขภาพจากภายใน เพื่อสู้กับ PM2.5 ได้ยังไง
- โพรไบโอติก (Probiotic) จะช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ให้สร้างภูมิคุุ้มกันออกมาต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย ที่สำคัญคือโพรไบโอติกช่วยลดการอักเสบภายในร่างกายได้ ดังนั้นเมื่อใดก็ตามที่ร่างกายโดนทำร้ายจากสารอนุมูลอิสระที่เกิดจากฝุ่นพิษ PM2.5 การอักเสบก็จะเกิดน้อยลง ร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้ก็เท่ากับเป็นการลดโอกาสเจ็บป่วยในส่วนต่างๆของร่างกายได้
- โพรไบโอติกช่วยดูแลลำไส้ เข้าไปไล่แบคทีเรียก่อโรคที่เกาะอยู่ตามผนังลำไส้โดยการเข้าไปอยู่แทนที่และเพิ่มจำนวน เมื่อลำไส้สะอาดก็ทำหน้าที่ย่อยอาหาร กระตุ้นการขับถ่าย และดูดซึมสารอาหารสำคัญไปเลี้ยงทั่วร่างกาย ร่างกายที่ได้สารอาหารเต็มที่ก็ย่อมจะทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลต่อสุขภาพที่ดีโดยรวม
- หากทานโพรไบโอติกสายพันธุ์ที่มีงานวิจัยรับรองว่าช่วยลดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ ช่วยเพิ่มสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ก็ช่วยลดโอกาสติดเชื้อ และลดการอักเสบหลังจากที่ร่างกายโดนทำร้ายโดยฝุ่นพิษ PM2.5 ได้
อย่างที่บอกไปแล้วว่า PM2.5 ไม่มีทางหมดไปง่ายๆ แน่นอน ใครเริ่มดูแลตัวเองก่อนย่อมได้เปรียบ นอกจากดูแลร่างกายด้วยวิธีทั่วไปตามที่เราทำเป็นประจำอยู่แล้ว ก็สามารถเลือกทานอาหารเสริมที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลตัวเองได้นะครับ