ปัญหาท้องผูกไม่เพียงแค่สร้างความรู้สึกอึดอัดและลำบากในชีวิตประจำวัน แต่ถ้าปล่อยไว้นานก็ทำให้มีอาการอื่นๆข้างเคียงได้ เช่น ท้องอืด ปวดศีรษะ หลายคนจึงเลือกที่จะใช้ทางลัดเป็นยาถ่ายหรือยาระบายเพื่อช่วยแก้ปัญหานี้ ก่อนที่อาการจะแย่ลง การใช้เป็นครั้งคราวอาจไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่สำหรับบางคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่ายแล้วเลือกที่จะใช้ยาระบายเป็นประจำ แทนการหาสาเหตุและแก้ที่ต้นตอ อาจจะยังคิดไม่ถึงว่าคุณกำลังจะได้รับผลข้างเคียงที่รุนแรงจากการใช้ยาถ่ายที่ทำให้ระบบในร่างกายทำงานเพี้ยนไปจากเดิม
อาการท้องผูกมักจะพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และพบในกลุ่มผู้สูงอายุมากกว่าวัยหนุ่มสาว เพราะการทำงานของอวัยวะและระบบทางเดินอาหารของผู้สูงอายุ จะทำงานได้ช้าลงจากความเสื่อมที่เกิดขึ้นตามวัย ในแง่พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก็ส่งผลต่อการขับถ่ายที่แย่ลงได้ เช่น การขยับร่างกายได้น้อยลง การใช้ยารักษาโรคบางชนิด สิ่งเหล่านี้ต่างส่งผลไปถึงการเคลื่อนตัวที่ลดลงของอวัยวะในทางเดินอาหาร โดยเฉพาะลำไส้ซึ่งเป็นส่วนที่ทำหน้าที่ย่อยและกระตุ้นให้เกิดการระบายกากของเสียออกจากร่างกาย
สารบัญ
Toggleยาระบายมีกี่ประเภท
1. ยาระบายที่ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระ เป็นยาประเภทไฟเบอร์ที่ช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระโดยการดูดน้ำไว้ในลำไส้ใหญ่ทำให้ลำไส้ใหญ่ขยายตัวและเกิดการกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวและขับถ่าย จึงเหมาะกับผู้ที่ท้องผูกเพราะทานอาหารประเภทกากใยน้อย ผู้ที่ลำไส้บีบตัวช้าลงอย่างกลุ่มคนสูงวัย
2. ยาระบายที่ช่วยเพิ่มน้ำในลำไส้ ยาชนิดนี้จะดึงน้ำไว้ในลำไส้ใหญ่โดย ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้นและถูกลำเลียงผ่านสำไส้ใหญ่ได้ดีขึ้น จึงเหมาะกับการแก้ปัญหาในรายที่มีอุจจาระแข็ง รวมถึงกลุ่มคนสูงวัย
3. ยาระบายที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้บีบตัว ลดการดูดซึมน้ำที่ลำไส้ใหญ่ และกระตุ้นการบีบไล่กากอาหาร เนื่องจากยาชนิดนี้ออกฤทธิ์แรงและเร็ว จึงไม่เหมาะที่จะใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะเสี่ยงจะทำให้ขาดสารอาหาร
4. ยาระบายที่ช่วยทำให้อุจจาระนุ่ม โดยการดึงน้ำเข้ามาในก้อนอุจจาระ ทำให้อุจจาระเหล และขับถ่ายออกได้ง่าย มีทั้งยาแบบรับประทานที่ได้ผลใน 1-2 วัน และแบบที่ให้ทางทวารหนัก ที่ได้ผลใน 15 นาที
ทานยาระบายติดต่อกันนานๆ มีผลเสียอะไรบ้าง
- ลำไส้จะเคยชินกับการถูกกระตุ้นด้วยยา สำหรับคนที่ใช้ยาถ่ายเป็นประจำหรือเกือบทุกวัน ติดต่อกันเกิน 2 อาทิตย์ เมื่อไม่มียามากระตุ้นก็จะไม่เคลื่อนไหว เพื่อให้เกิดการขับถ่าย หรือเกิดภาวะที่เรียกว่า “ลำไส้ขี้เกียจ” เมื่ออุจจาระไม่ถูกระบายออก ก็จะยิ่งสะสมในลำไส้ไปเรื่อยๆ จนมีอาการท้องผูกที่รุนแรงขึ้น
- เมื่อมีอุจจาระตกค้างในร่างกายนานๆ ก็เท่ากับเป็นการเพิ่มเวลาให้ลำไส้ดูดเอาสารพิษและเชื้อโรคกลับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้นไปด้วย
- ยิ่งใช้ยาระบายติดต่อกันนานๆ ร่างกายก็จะเริ่มทนต่อฤทธิ์ยาได้เก่งขึ้น เกิดการดื้อยาทำให้ต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุดก็ไปถึงจุดที่ยาระบายกระตุ้นการถ่ายไม่ได้ เกิดเป็นความเจ็บป่วยรุนแรงขึ้น เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ลำไส้แปรปรวน
- อาจเกิดภาวะลำไส้อุดตัน สำหรับผู้ที่ใช้ยาถ่ายที่ช่วยทำให้อุจจาระนิ่มโดยการดูดน้ำจากลำไส้ไปที่อุจจาระ
- อาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง เสียสมดุลเกลือแร่ในร่างกาย มีอาการเวียนศีรษะ ปวดท้อง
ไม่อยากใช้ยาระบายจนติดนิสัย ต้องทำยังไง
- ใช้ยาถ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น หากเริ่มมีอาการท้องผูกควรแก้ด้วยการปรับพฤติกรรมโดยเฉพาะการทานอาหารก่อน เช่น ทานผักหรือผลไม้ที่มีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายเพิ่มขึ้น ถ้าอาการไม่ดีขึ้นจริงๆ ค่อยใช้ยาระบายเป็นตัวช่วย ซึ่งไม่ควรใช้ต่อเนื่องเกิน 7 วัน ป
- สำหรับคนที่เคยใช้ยาถ่ายอย่างต่อเนื่อง สามารถเริ่มจากการค่อยๆลดปริมาณยาลง ควบคู่กับการปรับพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย
- ปรับพฤติกรรมที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการขับถ่าย เริ่มจากการพยายามขับถ่ายให้เป็นเวลาให้ได้ทุกวัน การทานอาหารให้หลากหลายโดยเฉพาะที่มีกากใยสูง ทานแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง
- ทานอาหารที่มีโพรไบโอติกสูง ที่นิยมในปัจจุบันก็จะมีนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต แต่ทั้งนี้ก็ไม่ใช่ว่าในโยเกิร์ตทุกชนิดจะมีโพรไบโอติกตามที่เราต้องการ ดังนั้นต้องดูส่วนผสมก่อนซื้อให้ดีๆ แต่นอกจากการเสริมโพรไบโอติกจากอาหาร ก็ยังมีโพรไบโอติกในรูปแบบอาหารเสริม ซึ่งเป็นตัวช่วยที่ได้รับการยอมรับทางการแพทย์ ถึงความปลอดภัยและการให้ผลที่น่าพอใจในการดูแลลำไส้ระยะยาวได้ดี และเริ่มได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคสูงขึ้น ด้วยเหตุผลทั้งในแง่ผลลัพธ์ ความสะดวกในการรับประทาน และมั่นใจได้ว่าจะได้รับโพรไบโอติกในปริมาณที่เพียงพอ ด้วยนวัตกรรมที่ช่วยรักษาคุณภาพโพรไบโอติกที่ผู้ผลิตเลือกใช้
จากผลเสียของยาระบายที่เราเล่ามาทั้งหมด ก็จะเห็นได้ว่าเราควรแก้ปัญหาท้องผูกที่ต้นเหตุ ด้วยการปรับพฤติกรรม เพื่อให้มีลำไส้สุขภาพดีและทำงานได้ดีในระยะยาวจะดีที่สุด เพราะไม่เพียงแค่ดีต่อระบบขับถ่าย แต่ยังส่งผลดีต่อระบบอื่นๆในร่างกายที่ทำงานร่วมกัน และไม่ต้องเสี่ยงกับอาการเจ็บป่วยที่รักษายากหรืออาจแก้ไม่หายอีกด้วยนะครับ